เวลาไปตรวจสุขภาพประจำปี หนึ่งในรายการสำคัญคือ Liver Function Test หรือการตรวจการทำงานของตับ ซึ่งค่าที่แพทย์มักจะดูเป็นหลักคือ SGOT (AST) และ SGPT (ALT) หลายคนเห็นตัวเลขแล้วอาจจะงงว่า มากไปหรือน้อยไปคือดี? วันนี้ B Liv จะมาสรุปให้ฟังแบบเข้าใจง่ายครับ
SGOT และ SGPT คืออะไร?
ทั้งสองตัวนี้คือ "เอนไซม์" ที่อยู่ภายในเซลล์ตับ หากตับแข็งแรงดี เอนไซม์เหล่านี้จะอยู่ข้างในเซลล์ แต่เมื่อไหร่ที่เซลล์ตับเกิดการอักเสบ บาดเจ็บ หรือแตกออก เอนไซม์เหล่านี้จะรั่วไหลออกมาปะปนในกระแสเลือด ทำให้เวลาเจาะเลือดตรวจ เราจึงพบค่าที่สูงขึ้นนั่นเอง
- SGOT (Serum Glutamic Oxaloacetic Transaminase) หรือชื่อใหม่ AST: พบได้ในตับ หัวใจ กล้ามเนื้อ และไต (ไม่ได้เจาะจงที่ตับอย่างเดียว)
- SGPT (Serum Glutamate-Pyruvate Transaminase) หรือชื่อใหม่ ALT: พบได้มากที่สุดในตับ *เป็นค่าที่บ่งบอกความผิดปกติของตับได้แม่นยำกว่า*
ค่าปกติ ควรอยู่ที่เท่าไหร่?
เกณฑ์ปกติอาจแตกต่างกันเล็กน้อยในแต่ละห้องแล็บ แต่โดยทั่วไปจะยึดเกณฑ์ดังนี้:
🔵 SGOT (AST): 0 - 40 U/L
🔵 SGPT (ALT): 0 - 40 U/L
*U/L = Unit per Liter (หน่วยต่อลิตร)
ถ้าค่าสูงกว่าปกติ บอกอะไรเรา?
การที่ค่าเอนไซม์สูงขึ้น แปลว่า "ตับกำลังมีการอักเสบ" ซึ่งความรุนแรงแบ่งได้คร่าวๆ ตามระดับค่าที่สูงขึ้น:
- สูงเล็กน้อย (ไม่เกิน 2-3 เท่า): อาจเกิดจากไขมันพอกตับ, การดื่มแอลกอฮอล์, หรือทานยาบางชนิด
- สูงปานกลาง: อาจเกิดจากไวรัสตับอักเสบเรื้อรัง, ตับอักเสบจากแอลกอฮอล์
- สูงมาก (เป็นหลักร้อยหรือพัน): มักเกิดจากตับอักเสบเฉียบพลัน (เช่น ไวรัสลงตับ), ตับขาดเลือด, หรือได้รับสารพิษรุนแรง
สาเหตุยอดฮิต ที่ทำให้ค่าตับสูง
- ไขมันพอกตับ (Fatty Liver): สาเหตุอันดับ 1 ในคนที่ไม่ดื่มเหล้า เกิดจากความอ้วน เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง
- การดื่มแอลกอฮอล์: แอลกอฮอล์ทำลายเซลล์ตับโดยตรง
- ไวรัสตับอักเสบ: โดยเฉพาะสายพันธุ์ B และ C
- ยาและสมุนไพร: ยาแก้ปวดพาราเซตามอล (ถ้าทานเกินขนาด), ยาลดไขมันบางตัว, หรือสมุนไพรที่ไม่ได้มาตรฐาน
ทำอย่างไรเมื่อค่าตับสูง?
หากผลตรวจออกมาสูงกว่าปกติ อย่าเพิ่งตกใจจนเกินไป ให้ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นเวลา 1-3 เดือน แล้วไปตรวจซ้ำ:
- ✅ ลดน้ำหนัก ควบคุมอาหาร ลดแป้ง น้ำตาล ของมัน
- ✅ งดแอลกอฮอล์เด็ดขาด
- ✅ พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่นอนดึก
- ✅ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- ✅ ทานอาหารเสริมที่ช่วยฟื้นฟูตับ เช่น Artichoke และ Dandelion